Contents
มารู้จักกับกระบองเพชรยิมโนด่างกันเถอะ

หลายๆคนคงเคยเห็นกระบองเพชรในรูปแบบ และรูปทรงที่หลากหลายกันไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็จะเห็นใบหรือลำต้นที่มีสีเขียว
และมีขนหนามซะส่วนมาก แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้ากระบองเพชรนี่ก็มีสีอื่นๆ เหมือนกัน ซึ่งสีของกระบองเพชรที่จะพาไปรู้จักนี้
เป็นกระบองเพชรด่างที่สีน่ารักมากๆ เพราะมีสีผสมที่หลากหลายสีสันมาก เช่น สีส้ม สีแดง สีม่วง สีเหลือง และสีชมพู
บางสายพันธุ์ก็เจอทั้งหมดนี้ในต้นเดียวกันเลยล่ะ วันนี้ Midori-Garden จะพาทุกคนไปรู้จักกระบองเพชรสกุล Gymnocalycium
หรือมีชื่อเล่นว่ายิมโนด่าง หรือไม้ด่างในวงการของผู้ชื่นชอบกระบองเพชร ซึ่งในความเป็นจริงในสกุลอื่นๆ ก็สามารถพบสีด่างได้อยู่บ้างเช่น
Astrophytum, Melocactus, Lophophora หรือ Mammillaria แต่ส่วนใหญ่ในสกุลเหล่านี้มักจะออกด่างเป็นสีเขียวผสมเหลือง
แต่สำหรับเจ้ายิมโนด่างนั้นจะมีสีที่หลากหลายมาก สีของเหล่ายิมโนนั้นจะขึ้นเป็นสีอะไร และมากแค่ไหนล้วนขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อม
เช่น ความเข้มของแสง ชั่วโมงที่โดนแดด เพราะเป็นกระบองเพชรที่สีสันสวย จึงทำให้เจ้ายิมโนฮิตมากในเหล่าผู้ปลูกกระบองเพชร
จนติดเป็น Top 3 แคคตัสที่มีคนเลี้ยงมากที่สุดในไทยเลยก็ว่าได้ และด้วยความนิยมของเจ้ายิมโน จึงทำให้เกษตรกรไทยที่เลี้ยงกระบองเพชรนำยิมโน
มาพัฒนาสายพันธุ์ให้มีสีสันที่หลากหลาย และโดดเด่นสะดุดตา ชนิดที่ว่าเห็นผ่านๆ ก็ต้องรีบเข้ามาดูความน่ารักของน้องใกล้ๆ กันเลย

แม้ที่ลำต้น พู และใบของเจ้ายิมโนจะมีสีสันน่ารักสดใสแล้ว ดอกของเจ้านี่ก็มีสีสันที่น่ารักไม่ต่างกัน วึ่งถ้าหากเคยเห็นกระบองเพชรอื่นๆ
ออกดอกแล้ว เจ้ายิมโนนั้นก็ไม่ต่างกัน โดยส่วนใหญ่แล้วกระบองเพชรจะออกช่วงใกล้ๆ สงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนชื้นมาก
และจะออกดอกเรื่อยๆ ได้จนถึงตุลาคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลเอาใจใส่ หากการให้แสง น้ำ และปุ๋ยเป็นไปอย่างพอดีก็จะทำให้น้องออกดอกได้บ่อย
เมื่อเร็วๆนี้ได้มีข่าวการเพาะพันธุ์เจ้ายิมโนขึ้นที่ประเทศไทย แถมยังได้สีสันที่สวยสดงดงามสุดๆ และถือว่าเป็นยิมโนสายพันธุ์ใหม่
ที่เกิดจากการผสมสายพันธุ์ของยิมโนที่เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ลักษณะดี แม้ว่าจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ก็เชื่อได้เลยว่ามีคุณภาพ
และความสวยงามสมราคาแน่นอน โดยยิมโนที่เพาะพันธุ์ขึ้นใหม่นี้มีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ ดังนี้
1.เดย์ดรีม (Gymnocalycium ‘Daydream’)

เจ้ายิมโนเดย์ดรีมนี้เป็นยิมโนมีลักษณะเด่นอยู่ที่ไร้หนาม (หรืออาจมีบ้างตอนที่ต้นยังเล็ก) ผิวสีม่วงคล้ายกับเปลือกมังคุด
ลายสีเขียว ดอกสีชมพู เลี้ยงง่าย แถมยังให้หน่อยง่าย แต่หน่อที่ออกมาจะมีลักษณะเหมือนกับต้นพันธุ์
2.ซีเปีย (Gymnocalycium ‘Sepia’)

ที่มาของชื่อนี้มาจากภาษากรีกว่า “σηπία” (sēpía) ที่หมายถึงปลาหมึกกระดอง ที่จะพ่นน้ำหมึกที่มีสีน้ำตาลแดง
อันเป็นที่มาของเจ้าต้นซีเปีย ซึ่งมีสีน้ำตาลอมแดง มีลายเขียว
3.พิงค์ไดม่อน (Gymnocalycium ‘Pink Diamond’)

แม้จะมีสีชมพูคล้ายๆ กับยิมโนบางสายพันธุ์ แต่ยิมโนด่างสายพันธุ์นี้มีสีชมพูที่ไม่เหมือนใคร เพราะมีความสว่างสดใส
มากกว่ายิมโนต้นอื่นๆ จึงทำให้ชื่อว่าพิงค์ ไดม่อน เพราะมีสีชมพูที่สดใสสว่างมากนั่นเอง
4.รูทเบียร์ (Gymnocalycium ‘Pink Diamond’)

ได้ยินชื่อนี้แล้วอย่าคิดว่าเจ้ารูทเบียร์นี้จะกินได้ แล้วมีรสชาติเหมือนรูทเบียร์เด็ดขาด
เพราะที่ได้ชื่อนี้เพราะเจ้ายิมโนนี้มีสีที่คล้ายกับสีของรูทเบียร์ คือสีน้ำตาลอมส้มนั่นเอง
5.ไฟร์เวิร์ค (Gymnocalycium ‘Firework’)

เจ้าต้นนี้มีสีชมพูอมแดง แต่มีลายสีเขียว ที่ชื่อว่าไฟรเวิร์ค อันแปลว่าดอกไม้ไฟนั้นคงเป็นเพราะ พุ่มเข็มสีแดงสดของเขาที่เป็นกอ ดูคล้ายกับดอกไม้ไฟ
เจ้าดอกไม้ไฟนี้มีสีสวยโดดเด่นและมีขนาดใหญ่กว่าต้นด้านบนเล็กน้อย มีข้อเสียอยู่ที่ให้หน่อได้ค่อนข้างยาก เหมาะกับการเลี้ยงไว้ดูเล่นมากกว่าการขยายพันธุ์
กระบองเพชรยิมโนด่างสวยงามน่าสะสมยิ่งนัก
รู้จักเจ้ายิมโนด่างกันไปแล้ว จะเห็นได้ชัดเลยว่าเจ้ายิมโนนี้เป็นกระบองเพชร ที่มีลักษณะโดดเด่นอยู่ที่สีสันจริงๆ แต่เพราะสีสวยๆของน้องนั้น
จึงทำให้บางสายพันธุ์มีราคาค่างวดค่อนข้างสูงอยู่บ้าง ถ้าใครอยากลองเลี้ยงน้องยิมโน ขอแนะนำว่าให้เริ่มจากต้นเล็กๆ
และสายพันธุ์พื้นฐาน ซึ่งจะมีราคาอยู่ที่ 300 – 500 บาท และหาซื้อได้ตามร้านขายกระบองเพชรทั่วไป
และสำหรับใครที่สนใจกระบองเพชรสายพันธุ์อื่นๆ จากทั่วมุมโลกก็ลองหาหนังสือมาลองศึกษาเพิ่มเติมกันได้นะคะ