Contents
กระบองเพชรคางคก 🌵
สำหรับมือเก๋าเชื่อเลยว่าต้องรู้จักเจ้ากระบองเพชรคางคก เด็กนอกสุดหายากสายพันธุ์นี้อย่างแน่นอน แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ
อาจจะยังเกาหัวสักหน่อยว่ามีอยู่จริงด้วยหรือ กระบองเพชรที่เหมือนกับคางคก? ถึงชื่อน้องจะเหมือนสัตว์
ที่อาจทำให้หลายคนไม่ปลื้ม แต่พอเป็นกระบองเพชรรับรองว่าสวยแปลกตาจนต้องหามาเลี้ยงอย่างแน่นอน
ประวัติความเป็นมาของกระบองเพชรคางคก 🌵
กระบองเพชรคางคง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pseudolithos จัดเป็นไม้อวบน้ำชนิดหนึ่ง ถึงแม้หลายคนจะนิยมเรียกว่ากระบองเพชรก็ตาม
น้องมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศโซมาเลีย เยเมน และโอมานทำให้ถูกเรียกว่าเด็กนอก สายพันธุ์หายากมาเสมอ
ซึ่งมีอยู่ 8 สายพันธุ์ที่พบได้ตามธรรมชาติ ดังนี้
- Pseudolithos caput-viperae พบได้ในประเทศโซมาเลีย
- Pseudolithos cubiformis พบได้ในประเทศโซมาเลีย
- Pseudolithos dodsonianus พบได้ใน ประเทศโซมาเลียและประเทศโอมาน
- Pseudolithos horwoodii พบได้ในประเทศโซมาเลีย
- Pseudolithos mccoyi พบได้ในประเทศเยเมนและโอมาน
- Pseudolithos migiurtinus พบได้ในประเทศโซมาเลีย
- Pseudolithos sphaericus พบได้ในประเทศโซมาเลีย
- Pseudolithos harardheranus พบได้ในประเทศโซมาเลีย เมืองโจรสลัด
โดยน้องสายพันธุ์สุดท้ายจะมีดอกที่เล็กมาก และที่สำคัญแรร์มาก เนื่องจากอยู่ในเมืองที่ยากจะเข้าไปนำพันธุ์ออกมา
จุดเด่นสุดเก๋ของกระบองเพชรคางคก 🌵
กระบองเพชรคางคกจุดเด่นคงหนีไม่พ้น ผิวลำต้นที่ดูตะปุ่มตะป่ำเหมือนกับหนังของเจ้าคางคก แต่รู้ไหมคะว่าจริงๆแล้ว ชื่อสายพันธุ์ของน้อง
หมายถึง ‘ก้อนหินปลอม’ เพราะเนียนมากเมื่อพบเจอในธรรมชาติ แต่สำหรับคนไทยเมื่อได้เห็นกระบองเพชรคางคกที่ผิวไหม้แดด
จนกลายเป็นสีน้ำตาล นั้นมองว่าเหมือนกับหนังคางคก ไม่เพียงแต่ความขรุขระบนลำต้นที่เด่นมาก แต่เรื่อง ‘กลิ่นเหม็น’
ก็เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์เช่นกัน น้องจำเป็นต้องเหม็นเพื่อล่อแมลงมาช่วยขยายพันธุ์นั่นเอง
กระบองเพชรคางคกสายพันธุ์ที่นิยมสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง 🌵
จากที่เกริ่นมาตั้งแต่เริ่มคงจะพอเดาออกว่าเจ้ากระบองเพชรคางคกค่อนข้างจะมีราคาสูง ทำให้ไม่ค่อยเหมาะกับผู้เลี้ยงมือใหม่สักเท่าไหร่
จะยกเว้นก็แต่กระบองเพชรคางคกสายพันธุ์ Pseudolithos migiurtinus ที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว ออกดอกถี่ และมีราคาที่จับต้องได้
แนะนำการเลี้ยงกระบองเพชรคางคกอย่างถูกวิธี 🌵
แม้น้องจะค่อนข้างเป็นกระบองเพชรหายาก แต่การเลี้ยงถือว่าง่ายพอสมควรเลยทีเดียว เนื่องจากประเทศไทยมีภูมิอากาศที่คล้ายคลึง
กับถิ่นกำเนิดของกระบองเพชรคางคก จึงไม่ต้องกังวลว่ามีจะแดดไม่พอหรืออากาศหนาวเย็นเกินไป
- ด้านแสงแดด
กระบองเพชรคางคกเป็นกระบองเพชรที่ชอบแดดจัดมาก จึงควรพาน้องไปรับแดดแบบเต็มๆ
ประมาณ 6 ชั่วโมง หากได้รับแดดน้อยเกินไปลำต้นจะเสียทรงคะ
- ด้านการให้น้ำ
การให้น้ำกระบองเพชรคางคกเหมือนกับการรดน้ำกระบองเพชรทั่วไป ที่ทาง Midori-Garden พยายามย้ำให้จำขึ้นใจอยู่เสมอ
ว่าควรรดน้ำเมื่อดินแห้ง และควรรดให้น้ำหยดออกจากกระถาง หากว่าน้องได้น้ำมากเกินไปรากจะเน่าและเกิดเชื้อราได้ง่ายมาก
- ด้านดินที่ใช้ปลูก
ดินที่ใช้ปลูกกระบองเพชรคางคกควรเป็นดินที่ระบายน้ำได้ดี หากจะแนะนำก็คือ พวกดินร่วนปนทราย เพราะถึงแม้ภูมิอากาศประเทศไทย
จะเหมาะแก่การเลี้ยง แต่จุดเสี่ยงสำคัญ คือ ความชื้นในอากาศที่จะทำให้รากเกิดเชื้อราได้ง่ายมาก ผู้เลี้ยงจึงต้องระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษนะคะ
- ด้านการให้ปุ๋ย
ถึงแม้กระบองเพชรคางคกจะเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย แต่การให้ปุ๋ยบ้าง เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสม
ก็จะช่วยให้ต้นกระบองเพชรคางคก แข็งแรงและเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้นนะคะ
กระบองเพชรคางคกของแรร์แต่ยูนีคเลี้ยงง่ายกว่าใคร 🌵
นับว่าเป็นโชคดีของผู้เลี้ยงกระบองเพชรชาวไทยเลยก็ว่าได้ที่สภาพอากาศของประเทศเรา เหมาะสมแก่การเลี้ยงกระบองเพชรคางคก
นอกจากเรื่องความชื้นที่ทำให้ต้องระวังเรื่องเชื้อราและรากเน่า ก็แทบจะไม่มีความยุ่งยากอื่นเลยในการเลี้ยง เพราะเป็นกระบองเพชรที่ชอบแดดมาก
และไม่ค่อยชอบน้ำ จึงไม่จุกจิกให้เจ้าของต้องดูแลเอาใจใส่มาก เพียงแค่อาจจะต้องเอาใจใส่เรื่องการระบายน้ำให้ดีเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหา
เรื่องความชื้น หลายครั้งที่ผู้เลี้ยงมือเก๋า และผู้ขายจึงมักแนะนให้มือใหม่เลี้ยงกระบองเพชรคางคกในห้องหลังคากระจก ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อควบคุมอุณหภูมิแต่เพื่อควบคุมความชื้น
และน้ำที่อาจจะขังในกระถางเจ้าคางคกนั่นเอง เพราะถ้าเสียทรงหรือติดเชื้อราไปแล้ว ยากจะแก้ไขมากๆ แต่เชื่อเลยว่า
ต่อให้รู้เรื่องนี้ผู้เลี้ยงก็ยินดีดูแลอย่างแน่นอน เพราะความเป็นเอกลักษณ์ ของผิวขรุขระก็ถือเป็นอะไรที่ชวนชมไม่น้อยเลย
ถ้าใครที่สนใจกระบองเพชรชนิดอื่นๆเพิ่มเติม ก็สามารถหาหนังสือเกี่ยวกับ กระบองเพชรมาทำความรู้จักพวกเขาเพิ่มเติมได้นะคะ🌵